ปัจจุบันนี้การแข่งขันกีฬาแบดมินตันถือเป็นรายการแข่งขันที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากว่ามีผู้เข้าแข่งขันจากประเทศต่างๆ มากมายให้ความสนใจในกีฬาประเภทนี้มากขึ้น อีกทั้งในการแข่งขันกีฬาระดับโลกอย่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกก็มีการบรรจุกีฬาแบดมินตัน เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งด้วยทำให้กีฬาชนิดนี้กลายเป็นกีฬาขวัญใจของใครหลายคนทีเดียว สำหรับนักกีฬาไทยในเวลานี้ก็มีนักแบดมินตันหลายคนที่สร้างชื่อขึ้นมาจนกลายเป็นมือวางระดับโลกจากหลายๆ ประเภทแต่ก็ยังมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่แม้จะชื่นชอบ การดูหรือการเล่นแบดมินตันแต่กลับยังไม่เข้าใจในกติกาต่างๆ ให้ถูกวิธีโดยเฉพาะเรื่องของการนับคะแนนและการเปลี่ยนข้าง เราจึงมาทำความเข้าใจในเรื่องนี้โดยตรงเพื่อให้การดูหรือการเล่นแบดมินตันเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น
การนับคะแนนและการเปลี่ยนข้างที่ถูกต้องในกีฬาแบดมินตัน
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าในปัจจุบันนี้กีฬาแบดมินตัน ได้มีการเปลี่ยนรูปแบบการนับคะแนนมาเป็นแบบที่เรียกว่า Rally Point ซึ่งทำให้การแข่งขันมีความสนุกสนานมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม การนับคะแนนแบบ Rally Point ก็หมายความว่าทุกๆ การเล่นที่เกิดขึ้นในสนามมีผลต่อคะแนนของทั้งสองฝ่ายต่างจากในอดีต ที่คนเป็นฝ่ายเสิร์ฟจะเป็นฝ่ายที่ได้คะแนนในรอบนั้นๆ แต่ถ้าหากถูกเบรกเสิร์ฟก็ต้องมาตั้งรับเพื่อให้อีกฝ่ายเป็นคนเสิร์ฟพูดง่ายๆ คือฝ่ายที่ไม่ได้เสิร์ฟจะไม่มีสิทธิ์ได้คะแนน เลยทำให้กติกาเก่าค่อนข้างน่าเบื่อและเล่นกันอย่างยืดเยื้อเกินไป การใช้กติกาแบบ Rally Point จึงทำให้เกมจบเร็วขึ้นและสนุกต่อการรับชมมากขึ้นด้วย
- สำหรับการนับคะแนนของกีฬาแบดมินตันในปัจจุบันนี้หากเป็นรายการทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 3 เซต
- โดยต้องชนะ 2 ใน 3 เซต ถือว่าเป็นผู้ชนะในแมตช์นั้นๆ ในแต่ละเซตหากฝ่ายไหนได้ถึง 21 แต้มก่อนเป็นผู้ชนะ แต่ในกรณีที่เสมอ 20 – 20 เท่ากันต้องมีการตีเพื่อหาผู้ชนะยืดออกไปให้ระยะห่างเป็น 2 แต้ม แต่ต้องไม่เกิน 30 แต้ม เช่น ต้องชนะ 24 – 22 แต่ถ้าหาก 29 – 29 ใครได้ 30 ก่อนก็เป็นฝ่ายชนะไป
- ฝ่ายที่ได้แต้มในแต่ละเกมจะได้เป็นฝ่ายเสิร์ฟลูกในเกมถัดไปเสมอ
- กรณีเปลี่ยนข้างจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อจบแต่ละเซตนั่นเอง ซึ่งปกติก็จะเปลี่ยนกันหลังจบเซต 1 และก่อนขึ้นเซต 3 โดยกรณีต้องเล่นกันถึงเซต 3 ฝ่ายใดทำแต้มได้ถึง 11 ก่อนจะมีการเปลี่ยนฝั่งการเล่นเกิดขึ้น ในกรณีที่ลืมเปลี่ยนฝั่งเมื่อถึง 11 แต้มหากนึกได้ตอนไหนต้องรีบแจ้งกรรมการเพื่อเปลี่ยนฝั่งทันที