สำหรับเกมกีฬาการแข่งขันแบดมินตันระดับโลกตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นไป ได้มีการเปลี่ยนแปลงแผนผังการแข่งขันครั้งใหญ่ โดย BWF หรือสหพันธ์แบดมินตันโลก ได้ทำการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขันรายการต่างๆครั้งใหญ่ ของรายการต่างๆทั้งปี ในการจัดลำดับความสำคัญของรายการแข่งขันแบดมินตัน โดยบางรายการมีความสำคัญมากขึ้นหรือบางรายการมีความสำคัญลดน้อยลง สาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ น่าจะจัดทำขึ้นเพื่อ การจดจำได้ง่ายยิ่งขึ้นสำหรับการให้แฟนๆกีฬา ได้เห็นถึงความแตกต่างของรายการ และ แบ่งแยกความชัดเจนของรายการแข่งขันต่างๆมากยิ่งขึ้น โดยการกำหนดการระดับชั้นของรายการแข่งขันมีจุดที่น่าสนใจอย่างมาก คือ ซูเปอร์ซีรีส์ พรีเมียร์ โดยที่ของเดิมนั้นมีอยู่ทั้งหมด 5 รายการ แต่หลังจากการปรับเปลี่ยนในครั้งนี้ รายการระดับ ซูเปอร์ซีรีส์ พรีเมียร์ เหลือทั้งหมดแค่ 3 รายการ โดย
กำหนดในชื่อ ฟอร์แมตใหม่ แบดมินตัน ในชื่อ BWF เวิลด์ทัวร์
Super 1000 (ชื่อเดิม ซูเปอรซีรีส์พรีเมียร์)
เงินรางวัลอย่างน้อย : 1 ล้านเหรียญสหรัฐ
จำนวน : 3 รายการ
– ออล อิงแลนด์ โอเพ่น
– ไชน่า โอเพ่น
– อินโดนีเซีย โอเพ่น
Super 750 (ชื่อเดิม ซูเปอร์ซีรีส์)
เงินรางวัลอย่างน้อย : 7 แสนเหรียญสหรัฐ
จำนวน : 5 รายการ
– ไชน่า มาสเตอร์ส
– เดนมาร์ก โอเพ่น
– เฟรนช์ โอเพ่น
– เจแปน โอเพ่น
– มาเลเซีย โอเพ่น
Super 500 (ชื่อเดิม กรังด์ปรีซ์โกลด์)
เงินรางวัลอย่างน้อย: 350,000 เหรียญสหรัฐ
จำนวน : 7 รายการ
– มาเลเซีย มาสเตอร์ส
– อินโดนีเซีย มาสเตอร์ส
– ไทยแลนด์ โอเพ่น
– อินเดีย โอเพ่น
– ฮ่องกง โอเพ่น
– สิงคโปร์ โอเพ่น
– คอเรีย โอเพ่น
Super 250 (ชื่อเดิม กรังด์ปรีซ์)
เงินรางวัลอย่างน้อย : 150,000 เหรียญสหรัฐ
จำนวน : 11 รายการ
– ออสเตรเลียน โอเพ่น
– ไชนีส ไทเป โอเพ่น
– เยอรมัน โอเพ่น
– คอเรีย มาสเตอร์ส
– มาเก๊า โอเพ่น
– นิวซีแลนด์ โอเพ่น
– สแปนิช โอเพ่น
– สวิส โอเพ่น
– ซายเย็ด โมดี้ อินเตอร์เนชั่นแนล
– ไทยแลนด์ มาสเตอร์ส
– ยูเอส โอเพ่น
รายการแข่งขันแบดมินตันทั้งหมด จะมีรายการคะแนน ระดับ หรือที่เรียกว่า เวิลด์แรงค์กิ้ง และ ในศึก World Tour Finals จะทำการคัดเลือกนักกีฬาที่มีผลงานดีที่สุด คะแนนสูงที่สุด 8 คนแรก ของปี เพื่อเข้าแข่งขันในแต่ละประเภทของโลก โดยที่มีมูลค่าเงินรางวัลและคะแนนสะสมแตกต่างกันไป ตามแต่ละรายการโดยมี คะแนน ไล่เรียงมาตามลำดับดังนี้ Super 1000 > Super 750 > Super 500 > Super 250