สุดยอดนักกีฬาแบด

น้องพิงค์ หรือที่รู้จักในฉายาสุดน่ารักว่า “นักแบดหน้าหวาน” เป็นนักกีฬาสาววัยเพียง 12 ปี ขวัญใจแฟนกีฬาคนไทยที่แม้จะเล็กแต่ก็เผ็ดเหมือนพริกขี้หนู ซึ่งได้มีโอกาสไปลงแข่งขันในรายการรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี แถมยังสามารถเอาคว้าแชมป์มาครองได้อย่างสบายๆ เอาแค่ผลงานที่ผ่านมานี่ก็ชนะมาไม่น้อยเลยทีเดียว เช่น แบดมินตันอินเตอร์ เนชั่นแนล ชาเลนจ์ 2018 และ แชมป์หญิงเดี่ยว CU OPEN 2018 ในรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี โดยล่าสุดในปี 2019 ได้ลงแข่งขันในแบดมินตัน จายา รายา จูเนียร์ กรังด์ปรีซ์ สามารถเอาชนะนักแบดเจ้าถิ่นมาได้อย่างขาดลอย ทำให้เธอกลายเป็นแชมป์ไปในทันที ซึ่งเป็นการแก้ตัวที่เมื่อปีก่อนไม่สามารถเอาชนะ และทำได้แค่ตำแหน่งรองแชมป์เท่านั้น ต่อจากนี้ไปยังมีการแข่งขันอีกมากมายรอเธออยู่ จึงบอกได้เลยว่าน้องพิงค์นั้นอนาคตยังไปได้อีกไกลมากแน่ และอาจกลายเป็นนักกีฬาแบดมินตันไทยที่เก่งสุดก็ได้ใครจะไปรู้ ประวัติของน้องพิ้งค์ น้องพิงค์ หรือ “พิชฌามลณ์ โอภาสนิพัทธ์” ด้วยวัยเพียง 12 ปี แต่ตอนนี้ความสูงก็ปาไป 170 ซม. แล้ว ทำให้น้องเป็นเด็กที่ตัวสูงมากกับเด็กในช่วงวัยเดียวกัน ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.6 ที่โรงเรียนสารสาสน์วิเทศเชียงใหม่ […]

กีฬาแบดมินตันเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่คนไทยของเราทำได้ดีมานานมากแล้ว เราอาจจะคุ้นเคยกับนักแบดหญิงมือหนึ่งทีมชาติไทยตอนนี้อย่าง น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ ที่เคยขึ้นไปอยู่ในอันดับ 1-3 ของโลก

ใครที่เป็นแฟนๆ แบดมินตันคงจะรู้กันดีว่านักแบดมินตันชายระดับโลกที่ถือว่าคู่คี่สูสีกันมากที่สุดเวลานี้คงหนีไม่พ้น ลี ชอง เหว่ย นักแบดมินตันชาวมาเลเซีย กับหลิน ตัน นักแบดมินตันอารมณ์ศิลปินชาวจีนที่มีแฟนคลับติดตามเขามากมายทั่วโลก แต่แล้วในรายการอินโดนีเซีย มาสเตอร์ 2018

วันนี้เราจะนำพารู้จักบุคคลที่เป็นนักกีฬาแบดมินตันอีกท่านหนึ่ง ที่มีเก่งล้นตัวและมากประสบการณ์ไปด้วยฝีมือ ซึ่งคนนี้เป็นอดีตนักกีฬาแบดมินตันที่มีชื่อว่า สมพล คูเกษมกิจ คนนี้ๆถือว่ามีความสามารถและเก่งมากในด้านกีฬาแบดมินตันที่ในสมัยอดีต และ ชาวไทยยังยกให้เขาว่าเป็นสุดยอดแห่งการตีลูกคนไก่ในสมัยนั้นอีกด้วย และในด้านผลงาน

 ผมมีนักกีฬาแบดมินตันอยู่คนหนึ่งที่เคยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก และ ผมอยากจะบอกว่านักกีฬาคนนี้เป็นคนที่เก่งมากคนหนึ่งโดยที่เขามีชื่อว่า ปราโมทย์ ธีระวัฒน์ นั้นเองละครับซึ่งแต่ก่อนคนไทยทุกคนน่าจะจดจำว่าบุคคล นี้มีความสามารถในการตีแบดมินตันที่ถือว่าเข้าขั้นว่าเก่งสุดยอดเลย ที่เดียวและเป็นที่น่าจดจำของชาวไทยเป็นอย่างมาก โดยผมจะมาเล่าประวัติเกี่ยวกับคุณปราโมทย์ให้ฟังเล็กๆน้อยว่ามีที่มาเป็นยังไง โดยแต่ก่อน ปรามโมทย์ เริ่มเล่นแบดมินตันตั้งแต่ที่ยังเด็กได้มีอายุได้ประมาณ 6 ขวบเพื่อนเท่านั้นเองและเขาได้ฉายแววการตีแบดมินตันในตอนนั้นให้จนแมวมองพาย้ายเขาไปอยู่ที่กรุงเทพ เมื่อโตขึ้นเขาได้รับโอกาสที่มีคุณค่าต่ออาชีพการตีแบดมินตันของเขามากเลยที่เดียว ด้วยการมีโอกาสร่วมตีกับนักแบดมินตันชื่อดังหลายต่อหลายคนที่มีฝีมือระดับว่าเข้าขั้นมืออาชีพ ทำให้เขามีฝีมือที่พัฒนาไปไกลมาก และ เขาก็เรื่มจะเป็นที่รู้จักของคนไทยมากขึ้นเมื่อได้มาจับคู่ตีแบดมินตันประเภทชาย เขาได้แชมป์ประเทศไทยถึง 11 สมัยด้วยกันและไปแข่งซีเกมส์เมื่อปี 1999 เขาก็ยังได้คว้ารางวัลเหรียญทองมาครองอีกด้วยช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเลยที่เดียว และเมื่อเขาวางมือจากการเป็นนักแบดมินตันแล้วเขาก็ได้หันมาเป็นผู้ฝึกสอน ให้กับนักกีฬาแบดมินตันไทยจนที่พวกเขาสามารถติดอันดับโลกอยู่หลายคนเรื่องที่เดียวนะครับ แต่ช่างน่าเสียดายที่เขาต้องมาเสียชีวิตเมื่อไม่กี่ปี มานี่ซึ่งสิ่งที่เขาเสียชีวิตอันเกิดมาด้วยจากสาเหตุที่เขาเป็นมะเร็งปอด ซึ่งตัวเขาไม่เคยกินเหล้าสูบบุหรี่เลยและเข้าทำการรักษาโรคมะเร็งด้วยกันถึง 2 ปี แต่ก็ไม่เป็นผลจนเขาจากไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2555 แต่ถึงยังไงแล้วบุคคลท่านนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าจดจำและเด็กและนักกีฬาทุกคนอยากใฝ่ฝัน จะเป็นนักกีฬาแบดมินตันที่เก่งเหมือน นาย ปราโมทย์ ธีระวิวัฒน์

ผมจะมาพูดถึงผู้ชายคนหนึ่งที่มีหัวใจเป็นนักกีฬาเป็นอย่างมากที่สุดคนหนึ่งและชอบเล่นกีฬาแบดมินตันและถือว่าเขาเป็นขวัญใจสำหรับผมเลยที่เดียวกับคนๆนี้ที่มีชื่อ ท็อป หรือมีชื่อว่าจริงที่เรียกว่า ภควัฒน์ วิไลลักษณ์ นั้งเองละครับ ซึ่งโดยแต่ก่อน ท็อป จะมีความสนใจในการตีแบดมินตันมาตั้งแต่ที่ยังเด็กๆแล้วด้วยการที่เขามีฝีมือที่ดีตอนเด็กเขาก็ได้โดนแมวมองให้ไปชักชวนเข้าทีมนักกีฬาแบดมินตันจนในที่สุดเขาเริ่มมีประสบการณ์มากขึ้นเขาก็เริ่มที่จะมีฝีมือที่พอตัวและสามารถไปเจอคู่แข่งได้แล้วเขาได้ไปแข่งขันกีฬาแบดมินตันและได้รับรางวัลมากมายและในที่สุดในปี พ.ศ. 2549 เข้าได้ไปเข้าร่วมแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทย โดยเขาได้รับเหรียญเงินด้วยกันถึงสองเหรียญเงินเลยที่ และ สามเหรียญทองแดง ด้วยกันเขียวนะครับ จนทำให้เขาเริ่มที่จะมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักแก่ชาวไทยมากขึ้นเรื่อยๆ และต่อมาในปี พ.ศ.2555 ท็อปได้ไปเข้าร่วมแข่งขันแบดมินตันชิงแชมป์ไทยอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่เขาไปได้ไม่ไกลนักซึ่งตัวเขาได้ไปพ่ายแพ้ให้กับ สิทธิคมน์ ธรรมศิลป์ ในรองรองชนะเลิศไปซะก่อน แต่เขาไม่เคยยอท้อและสู้มาตลอดให้กับการตีลีแบดมินตันมาตลอดเสมอมา ซึ่งในตอนนี้นาย ท็อป ได้สุ่มเก็บตัวซ้อมแบดมินตันเพื่อหวังที่จะไปแข่งขันที่ซีเกมส์มาตลอดเวลาและเสมอมาซึ่งในตอนนี้ฝีมือของเขาได้ก้าวไปไกลมากมายเลยที่เดียวและความใฝ่ฝันของเขาก็อยากจะได้เหรียญทองสักครั้งในซีเกมส์ที่จะมาถึงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าและเขาบอกให้คนไทยค่อยส่งใจและแรงเชียร์ไปให้กับนาย ท็อป หรือ ภควัฒน์ วิไลลักษณ์ ที่จะช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับชาวไทยต่อๆไปด้วยกันนะครับ

ผมมีเรื่องราวเกี่ยวกับนักแบดมินตันชายที่มีความสามารถและประสบการณ์ที่สูงในอดีต และ ถือว่าเป็นคนที่เก่งมากขึ้นเลยที่เดียวในสมัยอดีตและถือว่าเป็นคนที่ผมชื่นชอบมาก เลยที่เดียวและใฝ่ฝันอยากจะเป็นแบบเขาให้ได้ซักครั้งนั้นก็คือ โอม ชื่อจริง เทศนา พันธ์วิศวาส โดยผมจะมาเล่าประวัติเกี่ยวกับชายคนนี้ให้ฟังว่าที่มาเขาเป็นมายังไง โดย โอม นักแบดมินตันได้เริ่มเล่นกีฬานี้ตั้งแต่อายุสิบสองปีแล้วได้มีนาย ชัยศักดิ์ ทองเดชศรี ได้เป็นผู้สอนกีฬาแบดมินตันให้เขาเป็นการเฉพาะ และเมื่อสอนไปได้สักพักเขาก็ได้ฉายแววที่เก่งมากโดยการตีที่มีสไตล์และเป็นเอกลักษณ์ในสมัยนั้นและ โอม ได้เข้าแข่งแข่งเอเซียนเกมส์ครั้งแรกเมื่อปี 1998 แต่เขาได้แข่งประเภทคู่กับ สารลีย์ ทุ่งทองคำ พวกเขาได้จับคู่กันไปจนได้เหรียญทองมาครอบครองในที่สุด ถือว่าเป็นอะไรที่ดีและสร้างชื่อสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยเป็นอย่างมากเลยในตอนนั้น และพวกเขาได้แข่งกีฬาแบดมินตันที่เอเซียนเกมส์อีกครั้งในปี 2002 แต่ครั้งนี้พวกเขาจับคู่เดิมกันได้แค่เหรียญเงิน แค่นั้นเองแต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากแล้วในตอนนั้นและเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากเลยที่เดียว ซึ่งใน ณ ปัจจุบันนี้ โอม เทศนา พันธ์วิศวาสได้หันไปเป็นผู้ฝึกสอนนักกีฬาแบดมินตันไทย แล้วเขาได้สอนทั้งเด็กและผู้ใหญ่มากมายและปั่นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จมาแล้วคนหนึ่งชื่อ ทรัพย์สิริ แต่รัตนชัย ซึ่งการปั่นนักแบดมินตันคนนี้ก็ทำให้เขาภูมิใจเป็นอย่างมากซึ่งนักกีฬาคนนี้ ได้นำเหรียญทองมาได้ในการแข่งโอลิมปิกเยาวชนฤดูร้อนในปี 2010 ในกีฬาประเภทแบดมินตันหญิงเดี่ยว และตอนนี้เขายังได้สอนเด็กเยาวชนเพื่อที่จะเข้าแข่งการแข่งขันใหญ่ๆ อีกด้วยและจะสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยต่อไป

วงการกีฬาบ้านเราต้องนี้กำลังฟีเวอร์กันมากๆเลยโดยเฉพาะกีฬา แบดมินตัน ที่ถ้าตอนช่วงเวลาเย็นๆก็อาจจะเห็นมีคนมาเล่นตีแบดมินตันกันนอกบ้านอยู่เป็นประจำและคนที่ให้กีฬาแบดมินตันกลับมาคึกคักอีกครั้งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนั้นก็คือ น้องเมย์ หรือชื่อจริง รัชนก อินทนนท์ นั้นเองละครับ ซึ่งน้องเมย์คนนี้ได้เป็นที่รู้จักกันไปแล้วทั่วโลกและในบ้านประเทศไทยต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีแน่นอนเพราะน้องเมย์คนนี้ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยเป็นอย่างมากเลยที่เดียวและยังถือว่าตอนนี้น้องเมย์เป็นนักกีฬาตีแบดมินตันที่เก่งที่สุดในโลกที่จะหาใครมาเทียบกันตอนนี้ไม่ได้เลยที่เดียว ยังไงเราก็มาทำความรู้จักกับสาวน้อยพลังตบของสาวน้อยกันแบบคราวๆกันดีกว่า โดยน้องเมย์ดังเดิมเป็นคนจังหวัดร้อยเอ็ด และได้เรียนโรงเรียนทางเฉพาะที่สอนแต่แบดมินตันที่บ้านทองหยอดอีกด้วย แล้วน้องเมย์ได้ก็ได้ฝึกฝีมือตัวเองเรื่อยมาตลอดและได้ไปแข่งขันตอนที่ยังเด็กแม้เขาจะชนะแพ้บ้างก็ถือว่าได้เก็บประสบการณ์ และเมื่อน้องได้เป็นนักกีฬาแบดมินตันก็ได้โดนเรียกตัวให้ไปติดทีมชาติไทยเพื่อพัฒนาฝีมือให้เก่งยิ่งขึ้นไปอีกและเมื่อน้องเมย์ได้ลงแข่งโอลิมปิกเกมส์ที่ลอนดอน เขาก็ได้เข้ารอบไปถึง 8 คนสุดท้ายเลยที่เดียว แต่ก่อนมาแพ้ให้กับ หวัง ซิน ไปซะก่อนแต่ก็ทำให้คนไทยที่รอเชียร์ก็ประทับใจในตัวน้องเมย์มากและทำให้คนรู้จักเธอมายิ่งขึ้นเรื่อย และน้องเมย์ได้ฝึกพัฒนาตัวเองเรื่อยมาตลอดเลยทำให้เธอมีฝีมือพัฒนาและเก่งยิ่งขึ้นมากไปอีกจนน้องเมย์ได้ไปแข่งกีฬาแบดมินตันระดับโลกที่ประเทศจีน เมืองกวางโจว์ ก็ได้สร้างชื่อสร้างให้กับประเทศไทยด้วยการที่ได้เป็นถึงนักแบดมินตันของโลกเลยที่เดียว ด้วยการทีแข่ง หลี่ เสวี่ยรุ่ย ซึ่งการชนะในครั้งนี้ไปด้วย 2-1 เซด นั้นเองและน้องเมย์ยังถือว่าเป็นมือหนึ่งแบดมินตันแชมป์โลกที่มีอายุน้อยมากที่สุดในประวัติศาสตร์อีกด้วยนั้นเอง และยังไงก็ขอให้คนไทยทุกคนติดตามเชียร์น้องเมย์ส่งกำลังใจให้นักกีฬาคนนี้ให้ไปได้อีกไกลๆและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยต่อไปนะครับ